^กลับสู่ด้านบน
foto1 foto2 foto3 foto4 foto5

จัดการมรดก/ตั้งผู้จัดการมรดก

การจัดการมรดก หรือการขอตั้งผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาล

ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สิน (ทรัพย์มรดก) ของผู้ตาย ไม่ว่าผู้ตาย

จะได้จัดทำพินัยกรรมไว้หรือไม่ก็ตาม และเพื่อผู้จัดการมรดกจะได้จัดการมรดกตามคำสั่ง

โดยมีอำนาจแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามกฎหมายต่อไป

(ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1719)

หลังจากเจ้ามรดกถืงแก่ความตาม ทำให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก หรือสิทธิของผู้รับพินัยกรรม

ถูกขัดข้องไม่สามารถดำเนินการได้ เช่น ธนาคารไม่ยอมให้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ตาย

หรือสำนักงานที่ดินไม่ยอมเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้ ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียสามารถ

ยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตาย เพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายา

 

คุณสมบัติของผู้จัดการทรัพย์มรดก

(ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718) กำหนดคุณสมบัติของผู้จัดการทรัพย์มรดกไว้ดังนี้

  1. ต้องบรรลุนิติภาวะ (หรือมีอายุไม่ต่ ากว่า 20 ปี บริบูรณ์)
  2. ต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ และ
  3. ต้องไม่เป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย
  4. ถาม ใครเป็นผู้มีสิทธิยื่นขอจัดการมรดกได้บ้าง

ผู้มีสิทธิยื่นขอจัดการมรดกต้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการ

  1. ทายาท แบ่งเป็นผู้รับพินัยกรรม และทายาทโดยธรรม ส่วนคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายที่ยังมีชีวิตอยู่
  2. ถือว่าเป็นทายาทโดยธรรม
  3. ผู้มีส่วนได้เสีย หมายถึง ผู้ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับกองมรดก เช่น ภริยาที่มิได้จดทะเบียนสมรส
  4. แต่มีทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกับเจ้ามรดก
  5. พนักงานอัยการอาจร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ เช่น กรณีที่มรดกตกทอดแก่ผู้เยาว์
  6. ที่ไม่มีญาติและผู้ปกครองหรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดก

(ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1713)

ศาลที่มีอำนาจรับคำร้องคดีจัดการมรดก 

ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 จัตวา) คือ

  1. ศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะที่ถึงแก่ความตาย
  2. ศาลที่ทรัพย์มรดกตั้งอยู่ในเขตศาลนั้น กรณีเจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาอยู่ใน

ราชอาณาจักร

 

เอกสารที่ใช้ในการร้องจัดการมรดก

  1. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องขอกับผู้ตาย เช่น ทะเบียนสมรส หรือสูติบัตร เป็นต้น
  2. ใบมรณบัตรของผู้ตาย
  3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตาย
  4. หลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์มรดก เช่น โฉนดที่ดิน, สมุดเงินฝากธนาคาร, ทะเบียนรถ ฯลฯ
  5. บัญชีเครือญาติ
  6. หนังสือแสดงความยินยอมของทายาทให้ร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
  7. ในกรณีร้องขอให้บุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดกต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลนั้น
  8. พินัยกรรม (ถ้ามี)
  9. ใบเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล กรณีมีการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล

 

ค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียมศาล

1.ค่าจ้างทนายความ

- 15,000 – 20,000 บาท

  1. ค่าใช้จ่ายในวันยื่นคำร้อง

- ค่าขึ้นศาล 200 บาท

- ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ 500 บาท

- ค่าประกาศ ณ สำนักงานที่ดิน (กรณีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินไม่เกิน 1,000 บาท)

3. ค่าใช้จ่ายในวันนัดไต่สวน

- ค่าถ่ายเอกสารคำสั่งศาล

- ค่ารับรองสำเนาถูกต้อง ฉบับละ 50 บาท

4. ค่าใบสำคัญเพื่อแสดงความคำสั่งถึงที่สุด ฉบับละ 50 บาท

ใช้ระยะเวลาดำเนินการ

นับแต่วันที่ได้ยื่นคำร้องขอจัดการมรดก ศาลจะนัดไต่สวนคำร้องไม่เกิน 45 วัน ซึ่งในวันนัดผู้ร้องขอเป็น

ผู้จัดการมรดก ต้องไปศาลพร้อมพยานหลักฐานต่างๆ (ต้นฉบับเอกสารต่างๆ ถ้ามี)

ลิงค์อื่น ๆ